120 ปีแห่งความ
นวัตกรรม

คิดค้นเพื่ออนาคต
จากชื่อเสียงที่โด่งดังระดับโลกในด้านความแม่นยำ คุณภาพ และสไตล์ Triumph มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์ พร้อมความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยมในการทำลายขีดข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี สมรรถนะ และดีไซน์ เพื่อสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ วัน สำหรับผู้ขับขี่ทุกคน
ในแต่ละยุคสมัย Triumph ล้วนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์โลกของรถจักรยานยนต์อย่างที่พวกเราทุกคนทราบในปัจจุบัน ตั้งแต่แพลตฟอร์มเครื่องยนต์ดั้งเดิมที่ถูกนำไปปรับใช้ทั่วโลก ไปจนถึงการคิดค้นและเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์หมวดหมู่และเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมในภาพรวม ซึ่งยังคงสานต่อความหลงใหลที่มีในทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์มาจนถึงวันนี้
เริ่มจากเครื่องยนต์สูบคู่รุ่นแรก จนถึงรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดและแรงบิดสูงสุดในโลก ซึ่งมีการผลิตและวางจำหน่าย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Triumph รวมไปทั้งรถ factory streetfighter คันแรก รถที่รองรับการขี่แนวแอดเวนเจอร์คันแรกอย่าง scrambler หรือรถ bobber คันแรกที่ทั้งขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมและดูดีไม่แพ้กัน จนไปถึงรถจักรยานยนต์ Street Bike ที่เป็น Moto2 Edition คันแรก รถจักรยานยนต์สปอร์ตระบบหัวฉีดคันแรก และการเป็นแบรนด์เดียวที่สามารถทำลายสถิติความเร็วสูงสุดทางบกด้วยรถจักรยานยนต์ได้ถึงสี่ครั้ง
นวัตกรรมด้านสมรรถนะ
สมรรถนะของเครื่องยนต์ คือหัวใจสำคัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Triumph ทั้งขณะขี่ข้ามเนินทรายและในสนามแข่ง บนถนนลูกรัง และตามตรอกซอยในเมือง ไม่ว่านักขี่จะต้องรถที่ขับขี่ได้นุ่มนวลขึ้น เร็วขึ้น กำลังสูงขึ้น หรือประหยัดน้ำมันมากขึ้น เหล่าวิศวกรระดับโลกของ Triumph ก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การขับขี่ และมอบเสรีภาพให้กับเจ้าของรถ เพื่อการใช้งานอย่างเต็มสมรรถนะในทุกการขับขี่
เมื่อพูดถึงสถิติตัวเลขที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดจะยอดเยี่ยมเหนือไปกว่าเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ผลิตและวางจำหน่าย ซึ่งใช้ใน Triumph Rocket 3 เครื่องยนต์สามสูบแบบอินไลน์ 2.3 ลิตร จะสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ถึง 221Nm สามารถเร่งความเร็ว Rocket 3 จาก 0-60mph ได้ในเวลาเพียง 2.73 วินาที แต่การบังคับรถยังคงเหมือนกับรถจักรยานยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง มากกว่า Cruiser
ความพยายามในการสร้างสรรค์เครื่องยนต์สมรรถนะสูงของ Triumph ยังมีส่วนในการกำหนดความเร็วในสนามแข่ง โดยที่เครื่องยนต์ของ Street Triple 765 ซึ่งถูกนำมาปรับใช้เป็นเครื่องยนต์ในการแข่งขัน Moto2TM ใน MotoGP ซีรีส์ สามารถทำลายสถิติความเร็วรอบได้ในการแข่งขัน Grand Prix มากกว่ายี่สิบครั้ง และกลายเป็นรถจักรยานยนต์ Moto2 รุ่นแรกที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 300kph

นวัตกรรมด้านสไตล์

จากรูปโฉมที่โดดเด่นเหนือกาลเวลาของ Bonneville จนถึงรุ่น TR6 ที่ Steve McQueen ตำนานแห่งวงการภาพยนตร์ใช้การขี่เหินข้ามรั้วลวดหนามในภาพยนตร์ The Great Escape และจาก Thunderbird ของ Marlon Brando กับการปรากฎตัวสุดยิ่งใหญ่ในภาพยนตร์ไบค์เกอร์เรื่องแรกของโลก มาจนถึง Speed Triple Bobber และ Tiger ที่ล้วนโดดเด่นสะดุดตาในยุคปัจจุบัน ทำให้ Triumph นั่นมีอิทธิพลในทุกส่วนของวงการรถจักรยานยนต์ในแบบที่ไม่มีแบรนด์ใดทำได้มาก่อน
รายชื่อรถจักรยานยนต์ที่เป็นไอคอนของ Triumph นั้นส่วนหนึ่งมาจากชื่อที่โด่งดังที่สุดในวงการรถจักรยานยนต์ อาทิ Bonneville T120 ซึ่งถูกตั้งขึ้นตามเครื่องยนต์สูบคู่ ระบบเชื้อเพลิงเมทานอลของ Triumph ซึ่งใช้ในจรวด Streamliner เจ้าของสถิติความเร็ว ณ Bonneville salt flats ส่วน Hurricane X75 นั่นได้รับการยอมรับว่าเป็นรถคัสตอมจากโรงงานรุ่นแรกของโลก โมเดล H ในตำนานนั่นก็คือ ‘Trusty Triumph’ อีกทั้ง Speed Twin ที่ผลงานชิ้นเอกของ Edward Turner ซึ่งปฏิรูปวงการรถจักรยานยนต์ จนถึง Daytona 675 สุดยอดรถแข่งสำหรับรายการซูเปอร์สปอร์ตของ Triumph และ Scrambler 1200 ซึ่งพลิกโฉมวงการและยังเป็นรถคู่ใจของ James Bond

นวัตกรรมการควบคุม
กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีที่ผ่านการพิจารณาและบูรณาการของ Triumph จะเน้นการตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ รวมทั้งมอบสิ่งที่จำเป็นและมีคุณค่าให้กับผู้ขับขี่ รวมถึงการรวบรวมคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายึดถือมาตั้งแต่ในยุคของการเป็นผู้นำด้านการออกแบบทางวิศวกรรมรุ่นบุกเบิกของ Val Page ในยุคปี 1930 มาจนถึงทีมงานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีฐานการดำเนินงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ Triumph ใน Hinckley
Triumph ใช้ระบบการบริหารจัดการอิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำสมัย และระบบสนับสนุนการขับขี่บนรถทุกรุ่น รวมถึงคุณลักษณะต่างๆ เช่น ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนขั้นสูง โหมดผู้ขับขี่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และระบบเบรก ABS แบบมัลติแชนเนล ทั้งหมดล้วนช่วยยกระดับการขับขี่ และส่งผลดีในด้านความปลอดภัยและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังรวมถึง ระบบเรดาร์จุดอับสายตา, ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเสริมสมรรถนะขณะเข้าโค้ง, และระบบเบรก ABS ที่มาพร้อมยูนิตวัดแรงเฉื่อย, ระบบกันสะเทือนแบบเซมิแอคทีฟ, หน้าจอ TFT พร้อมระบบเชื่อมต่อ MyTriumph ในตัว, โหมดการขับขี่แบบไดนามิก, ระบบสตาร์ทและล็อครถแบบไร้กุญแจ, ระบบไฟ LED รอบคัน, ปลอกมือจับและเบาะนั่งปรับอุณหภูมิไฟฟ้า, ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, สวิตช์ไฟเรืองแสง และระบบป้องกันการโจรกรรมแบบสั่งแยกปิดการทำงานได้

คิดค้นเพื่ออนาคต
Triumph ไม่เคยหยุดนิ่ง เรามุ่งมั่นที่จะผลักดันสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และปรับใช้นวัตกรรมใหม่ๆ โดยยังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบอยู่เสมอ
