รถ Triumph คันแรกหรือที่เรียกกันว่า รถมอเตอร์ไซค์คันที่ 1 ที่ถูกผลิตขึ้น ผลงานการออกแบบของวิศวกรชื่อว่า Mauritz Schulte ซึ่งได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ 2.2 hp Minerva ที่ผลิตจากประเทศเบลเยี่ยม

ในขณะที่จำนวนการผลิตรถจักรยานยนต์ครบ 1,000 คันต่อปี และเปิดตัวเครื่องยนต์ 450 cc รุ่นใหม่ที่ให้กำลัง 3.5 แรงม้า และโรงงานได้ถูกย้ายไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่ใหญ่ขึ้นบนถนน Priory เมือง Coventry

หลังจากเข้าเส้นชัยเป็นที่สองในการแข่งขัน Isle of Man TT เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1907 Jack Marshall ก็ชนะการแข่งขันในรุ่นเครื่องยนต์สูบเดียว โดยใช้รถจักรยานยนต์ Triumph ซึ่งทำความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 40 mph

Triumph เริ่มต้นผลิตรถจักรยานยนต์ 499 cc type H ‘Trusty’ ให้กับกลุ่มพันธมิตรในช่วงสงครามโลก จนกระทั่งปี 1918 ก็มีรถจักรยานยนต์สูบเดียวระบบระบายความร้อนด้วยอากาศกว่า 30,000 คัน ปฏิบัติงานอยู่ในกองทัพ

โรงงานใน Coventry ของ Triumph - ซึ่งจนถึงตอนนี้ ก็กินพื้นที่กว่า 500,000 ตารางฟุต และมีพนักงานกว่า 3,000 คน มีจำนวนรถจักรยานยนต์ที่ผลิตครบ 30,000 คัน

ธุรกิจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของ Triumph แยกตัวออกจากกัน โดย Jack Sangster เป็นผู้ซื้อธุรกิจรถจักรยานยนต์ไว้ จากนั้นเขาก็ได้ว่าจ้าง Edward Turner เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบของบริษัทในทันที

Turner เปิดตัวรถจักรยานยนต์ Speed Twin 498 cc ซึ่งทำความเร็วได้เกิน 90 mph ในสายตาของหลายๆ คนที่มองว่ารถจักรยานยนต์รุ่นนี้ คือต้นแบบรถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษ โดยมีเครื่องยนต์ที่เป็นนิยามของความเป็น Triumph มานานกว่า 40 ปี

เริ่มต้นการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ใน Meriden มีการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ให้ทางกองทัพกว่า 50,000 คันในช่วงนี้

บริษัทให้ความสำคัญกับรถจักรยานยนต์สามรุ่น: Tiger 100 (รถจักรยานยนต์ที่นำไปสู่ชัยชนะครั้งแรกในการแข่งขัน 1946 Manx Grand Prix โดย Ernie Lyons), Speed Twin รุ่นต้นแบบ และรถ touring รุ่นเล็ก 349cc 3T

Marlon Brando ขับขี่ 650 cc 1950 Thunderbird 6T ในภาพยนตร์นักซิ่งนอกกฎหมาย The Wild One

Johnny Allen เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสมรรถนะอันน่าทึ่งของ Triumph ซึ่งกินเวลาถึง 15 ปี โดยทำลายสถิติความเร็ว 193 mph ในการแข่งขัน Bonneville Salt Flats ด้วยรถจักรยานยนต์ streamliner ‘The Devil’s Arrow’ ที่ออกแบบและผลิตโดยสามสหายชาวเท็กซัส และใช้เครื่องยนต์ 650 cc Thunderbird

เปิดตัว T120 Bonneville 650 ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่การแข่งขันอันโด่งดังที่ salt flats, Bonneville ถือกำเนิดมาเพื่อเป็นรถจักรยานยนต์สูบคู่สัญชาติอังกฤษ ที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล

Bud Ekins และ Steve McQueen ขับขี่ 1962 TR6 650 Trophy พร้อมกระโดด และพุ่งชน ภายในภาพยนตร์คลาสสิก 1963 WW2 ที่มีชื่อว่า The Great Escape

Buddy Elmore ชนะการแข่งขันที่อาจกล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดตลอดกาล Daytona 200 โดยใช้รถจักรยานยนต์ 500 cc Tiger - โดยที่เขาออกสตาร์ทเป็นกลุ่มรั้งท้ายในสนาม รถจักรยานยนต์ streamliner Gyronaut X-1 ทำลายสถิติโลกด้านความเร็วที่ 245 mph ในการแข่งขัน Bonneville Speed Week โดยใช้เครื่องยนต์ Triumph 650 cc สองเครื่อง

Gary Nixon ย้ำรอยความสำเร็จของ Elmore ในปี 1966 ได้อีกครั้ง ด้วยการเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน Daytona 200 โดยใช้ Tiger 100 ในขณะที่ John Hartle ยังช่วยเสริมความสำเร็จด้านการแข่งขันให้กับ Triumph จากการแข่งขัน Isle of Man Production TT Evel Knievel โด่งดังจากการกระโดดข้ามน้ำพุที่ Caesar's Palace ในลาสเวกัส ด้วย Bonneville T120 TT Special ของเขา

เปิดตัว 750 cc Triple เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบใหม่ล่าสุดของ Triumph Trident และ BSA Rocket 3

Malcolm Uphill ชนะการแข่งขัน Production TT ด้วย Bonneville พร้อมทำลายสถิติความเร็วรอบด้วยรถจักรยานยนต์เดิมๆ จากโรงงาน ด้วยความเร็วเกิน 100 mph เป็นครั้งแรก

Image Source: Mortons Archive

Uphill ชนะการแข่งขัน Production TT อีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาใช้ 750 cc Trident สามสูบรุ่นปรับจูนพิเศษ ในขณะที่ทางโรงงาน ก็มีการเปิดตัวกลุ่มรถจักรยานยนต์ T120 ‘oil in frame’ เป็นครั้งแรก

แม้ว่าจะชนะการแข่งขัน production TT ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ห้า รถจักรยานยนต์ 750 cc Trident ซึ่งเป็นที่โด่งดังในชื่อ Slippery Sam และการรวมตัวกันของพนักงาน Meriden ฝ่ายผลิตของ Triumph Trident ก็มาถึงจุดจบในที่สุด

Image source: FoTToFinders

การพัฒนายังคงดำเนินต่อไปอย่างลับๆ โดยมีรถจักรยานยนต์ Triumph รุ่นใหม่ - ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,200 cc สี่สูบ วิ่งบนแท่นทดสอบที่โรงงานแห่งใหม่ใน Hinckley

Triumph กลับมาอีกครั้งอย่างหรูหราในงาน Cologne Show โดยมีการเปิดตัว Trident 750 cc และ 900 cc สามสูบ ที่ยังคงความเหนือชั้นเอาไว้ได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ touring Trophy 900 cc สามสูบ และ 1,200 cc สี่สูบ รวมถึงรถจักรยานยนต์สปอร์ต Daytona 750 cc สามสูบ และ 1,000 cc สี่สูบ

เปิดตัว Daytona T595 เป็นครั้งแรก โดยมียอดจองถล่มทลาย จากสไตล์การออกแบบอันโดดเด่น และหนึ่งในคำสั่งซื้อนั้น ก็กลายเป็นรถจักรยานยนต์คันที่ 50,000 ซึ่งผลิตที่ Hinckley

Triumph บุกตลาด adventure ด้วย Tiger 900 และการกลับมาอีกครั้งของมรดกแห่งวงการแข่งขัน Speed Triple รุ่น 885 cc ที่จะมาพลิกโฉมวงการ ซึ่งได้ลงแข่งในการแข่งขัน Speed Triple Challenge race series ที่ Donington Park ข้ามผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกไป ได้มีการเปิดตัว Triumph Motorcycles America ขึ้น

หนึ่งทศวรรษหลังการกลับมาของ Triumph รถจักรยานยนต์ต้นแบบ Bonneville ก็หวนกลับคืนสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Triumph อีกครั้ง ดึงดูดความสนใจจากทั้งนักขี่่รุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่ ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบคลาสสิก การควบคุม และฟังก์ชันที่เหนือชั้น

เกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ขึ้นที่แผนกประกอบรถของโรงงานหลักหมายเลข 1 เปิดตัวโรงงานหมายเลข 3 ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทย ที่ทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ซูเปอร์สปอร์ต Daytona 600 รุ่นสี่สูบ

Bruce Anstey ชนะการแข่งขัน Junior 600 โดยใช้ Valmoto Daytona 600 ส่งผลให้ Triumph ชนะการแข่งขัน TT เป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี

เริ่มต้นการผลิต Daytona 675 cc รุ่นใหม่ พร้อมเครื่องยนต์สามสูบ โดยสามารถคว้ารางวัลในแวดวงซูเปอร์สปอร์ตได้หลายรายการ

เปิดตัว Street Triple โดยเป็นการผสมผสานสไตล์ในแบบ Speed Triple เข้ากับความบันเทิงจากสมรรถนะและการควบคุมรถในแบบ Daytona 675 เปิดโรงงานหมายเลข 5 ในประเทศไทย

Glen Richards คว้าชัยชนะในการแข่งขัน British Supersport Championship ด้วย MAP Embassy Triumph Daytona 675 ของเขา - ส่งผลให้ Triumph ชนะการแข่งขัน British Championship เป็นครั้งแรกในยุคสมัยของ Hinckley

Triumph ก้าวเข้าสู่ตลาดรุ่น 'R' ด้วยการเปิดตัว Street Triple R ซึ่งใช้เบรกและระบบกันสะเทือนสเปคสูงยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับสเปคของรถรุ่นนี้ให้สูงยิ่งขึ้น

เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยสายพานจาก Triumph Hinckley Thunderbird 1600cc ลูกสูบคู่ รถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าว สร้างความประทับใจให้นิตยสารสหรัฐอเมริกา Cycle World มากจนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็น ‘รถ Cruiser ยอดเยี่ยมแห่งปี’

Triumph ฉลองครบรอบ 110 ปีอย่างมีสไตล์ โดยการเปิดตัวที่บราซิล ซึ่งมียอดขายรถจักรยานยนตทั่วโลกครบ 50,000 คันต่อปี เป็นครั้งแรก เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ Tiger Explorer 1,215 cc และ Trophy ซึ่งเป็นการปรับปรุงต่อยอดจาก Street Triple และ Daytona 

Gary Johnson คว้าชัยชนะอย่างน่าเร้าใจในการแข่งขัน Supersport TT ที่ Isle of Man ในขณะที่ Billy McConnell ก็ชนะเลิศการแข่งขัน British Supersport Championship โดยทั้งคู่ขี่ Smiths Triumph Daytona 675R ที่สหรัฐอเมริกา Danny Eslick เอาชนะการแข่งขันอันทรงเกียรติ Daytona 200 ด้วยรถ Daytona 675R ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งแรกของ Triumph ที่นั่นในรอบ 47 ปี

ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Speed Triple รุ่นใหม่ และสุดยอดรถจักรยานยนต์ adventure ข้ามทวีป Tiger Explorer, Triumph ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Bonneville รุ่นใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยมีทั้ง 900 cc Street Twin, 1,200 cc Bonneville T120 และ T120 Black รวมถึง 1,200 cc Thruxton และ Thruxton R รุ่นใหม่

ท่ามกลางการแข่งขัน drag และการแสดงดนตรีสด ก็มีการเปิดตัว Bonneville Bobber รุ่นใหม่ ที่มีความเป็นสายพันธุ์แท้ พร้อมสไตล์การคัสตอมอย่างประณีต นวัตกรรมการออกแบบทางวิศวกรรม และการขับขี่และเสียงแบบ hot rod รถรุ่นนี้ รวมทั้ง Street Cup, Street Scrambler, Bonneville T100 และ T100 Black รุ่นใหม่ ช่วยยกระดับกลุ่มรถโมเดิร์นคลาสสิกต้นแบบของเรา ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นอีกขั้น

Triumph เปิดตัวกลุ่มรถจักรยานยนต์ Street Triple ที่พลิกโฉมวงการและคว้าหลายรางวัลชนะเลิศ ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ 765cc รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังประกาศการเป็นพันธมิตรกับ Dorna เพื่อเป็นซัพพลายเออร์เพียงรายเดียว ในการผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับการแข่งขัน Moto2™ World Championship ตั้งแต่ฤดูกาล 2019 เป็นต้นไป

การเปิดตัว Speed Twin รุ่นใหม่ล่าสุด และ Scramber 1200 คือการประกาศการกลับมาสู่กลุ่มรถจักรยานยนต์ Triumph ของสองชื่อที่เป็นต้นแบบ โดยแต่ละรุ่น ล้วนได้รับการยกระดับทั้งสเปคและขีดความสามารถให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น

Triumph กลับสู่แวดวงการแข่งขันระดับแนวหน้า ในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อย่างเป็นทางการของการแข่งขัน FIM Moto2™ World Championship โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ Street Triple 765cc ที่ผู้คนล้วนชื่นชอบ ในเวอร์ชันที่ปรับจูนเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ และสามารถทำลายสถิติความเร็วรอบได้ 16 รายการ, ทำความเร็วสูงสุด 300KPH ได้เป็นครั้งแรก และช่วยให้ Alex Marquez คว้าชัยชนะด้วย 'ขุมกำลัง Triumph' ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก

อีกหนึ่งสมาชิกของกลุ่มรถจักรยานยนต์ Roadster ที่ได้รับรางวัลของ Triumph นั่นคือ Trident 660 จักรยานยนต์รุ่นนี้คือมิติใหม่ในด้านความสนุก คาแรคเตอร์ และความดูดีมีสไตล์ ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์สามสูบ เทคโนโลยีระดับแนวหน้า การบังคับรถที่คล่องตัว และค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าของที่ประหยัด Trident 660 จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของนักขี่รุ่นใหม่ ที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกของ Triumph